เรื่องสยองคืนหลอนก่อนสอบ

ยามบ่ายที่แสนสดใส พลอยหญิงสาวที่มีน่าตาดีอยู่ในระดับหนึ่ง เธอเป็นนิสิตแพทย์ปีสองจัดว่าเป็นหัวกะทิต้นๆของระดับชั้น เธอเดินมากับพิม เพื่อนสนิทของเธอ พิมเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พวกเธอทั้งสองเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนที่ประจำข้างๆตึกเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ “ตายแล้ว!!!

นี้มันครั้งที่ 3 แล้วนะ” เสียงอุทานจากโต๊ะข้างๆดังขึ้นมา เธอรู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่พ้นเรื่องสุดสยองนั้นแน่นอน เรื่องที่ว่า…ศพที่ถูกแช่ในห้องเก็บศพของทางคณะถูกควักอวัยวะภายในหายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอเองก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากนัก เพราะว่าอีกสองวันก็จะสอบเก็บคะแนน เธอจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากนัก “เฮ้อ..วันมะรืนก็ผ่ากรอสเก็บคะแนนอีก(ผ่ากรอสหรือผ่าอาจาร์ยใหญ่)ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่ามั้ยพิม” “อืม..คงต้องอ่านหนังสือหนักหน่อย” พลอยพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วยกับสิ่งที่พิมพูดไป

พอตกเย็นหลังจากที่พลอยกับพิมกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว พวกเธอก็รีบไปอ่านหนังสือที่หอพัก หอที่เธอพักเป็นหอหญิงของมหาลัย ทั้งสองแข่งกันอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งเที่ยงคืนพลอยกับพิมรูสึกว่าเริ่มไม่ไหวแล้ว จึงตกลงกันว่าจะมาอ่านพรุ่งนี้ตอนเช้า จนกระทั่งตีสาม พลอยได้ยินเสียงกุกกักข้างๆเตียงของเธอ เธอจึงลืมตาขึ้นมาดู เธอเห็นพิมเดินออกไปนอกห้อง เธอไม่รู้ว่าพิมไปไหนในยามวิกาลเช่นนี้ ด้วยความง่วงเธอจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พิมน่าจะไปธุระมั้งเธอคิดเช่นนี้แล้วจึงผล็อยหลับไป “

พลอย..พลอย ตื่นได้แล้ว ได้เวลาอ่านหนังสือแล้วนะ” พลอยค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็พบว่าพิมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงของหล่อน เธอจึงรีบลุกขึ้นมาตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือจนถึงรุ่งเช้า โดยที่ลืมถ้าพิมถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น

อะไรนะ มีศพที่สี่อีกแล้วหรอ” แน่หละไม่พ้นเรื่องอวัยะภายในศพหายไปอีกแน่นอน เฮ้อทำไมพักนี้มีแต่เรื่องแปลกๆเกิดขึ้นบ่อยนะ พลอยคิดในใจ พอตกเย็นหลังจากอนข้าวเสร็จ พลอยกับพิมก็กลับมาอ่านหนังสือที่หอเหมือนเดิม จนกระทั่งทั้งสองไม่ไหวแล้ว “พิมพรุ่งนี้ถ้าเธอตื่นแล้วช่วยปลุกผมหน่อยนะ” “อืม..โอเคถ้าผมตื่นแล้วผมจะปลุกนะ” หลังจากจบบทสนธนาแล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทราที่แสนยาวนาน……จนกระทั่งตีสาม กุกกัก กุกกัก พลอยได้ยินเสียงข้างๆเตียงของเธอ จะเหลือบไปดูเห็นพิมลุกออกจากเตียงไป แล้วพิมก็เปิดประตูออกไปข้างนอกห้อง ด้วยความสงสัยที่บวกกับเมื่อวานพลอยจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียงแล้วเดินตามพิมออกไปอย่างเงียบๆ เธอเห็นพิมมุ่งหน้าไปสู่อาคารเรียน เธอนึกสงสัยว่าทำไมพิมต้องไปอาคารเรียนในตอนนี้ เธอได้แต่นึกสงสัยอยุ่ในใจ สักพักเธอเห็นพิมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเรียน พิมหันซ้ายแลขวาแน่ใจว่าไม่มีคนตามมา เธอจึงเดินเข้าห้องเรียนไป พลอยเห็นดังนั้นจึงคิดว่า “สงสัยยัยพิมคงไปหาความรู้เพิ่มเติมในร่างอาจาร์ยใหญ่แน่นอนน ชิไม่เห็นชวนกันบ้างเลย” พลอยโกรธพิมในใจ จึงเดินตามพิมเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆ แต่ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่ดั่งที่คิดไว้ เธอเห็นพิมกำลังหยิบอวัยวะภายในของอาจาร์ยใหญ่ออกมา แล้วกัดกินอย่างหิวโหย โอ้พระเจ้า

พลอยไม่อยากจะเชื่อในสิ่องที่ตนเห็นอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนสนิทของเธอจะกลายมาเป็นคนกินศพแบบนี้ ภาพที่เห็นมันน่ากลัวมาก พลอยทำอะไรไม่ถูก เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเพื่อเป็นหลักฐาน หลังจากที่เธอถ่ายได้นานพอสมควร เธอทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจึงหันหลังหลับ โครม

แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเธอเลย เธอเผลอเตะโดนถึงขยะที่วางอยู่ข้างๆประตู “นั่นใคร” พิมหันขวับมาดูที่ต้นเสียง เฮือก พลอยรีบวิ่งออกมาจากในห้องเรียน จนเผลอทำโทรศัพท์มือถือหล่นในห้องเรียน หลังออกมาจากห้องเรียนแล้วเธอจึงรีบวิ่งขึ้นหอพักให้เร็วที่สุด หลังจากที่พิมได้ยินเสียงเธอจึงเดินออกมาดูก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ “สงสัยคงเป็นเสียงแมวมั้ง” ระหว่างที่เธอหันกลับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเข้ากับโทรศัพท์ของพลอยพอดี “หึหึ..แกเองหรอ อยู่ดีไม่ว่าดีรนหาที่ตาย” พิมจัดการลบคลิปที่พลอยแอบถ่ายไว้แล้วโยนโทรศัพท์ของพลอยลงถังขยะ แล้วพิมก็กลับไปกินอาหารอันโอชะของตนต่อ พลางคิดแผนจัดการยัยสอดรู้สอดเห็น

หลังจากที่พลอยวิ่งมาถึงหอพักเธอก็รีบวิ่งขึ้นเตียง พยายามข่มตานอนไม่คิดมากแต่ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ได้ เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมาจากใบหน้าทีละน้อย เธออยากให้ผ่านราตรีที่แสนน่ากลัวนี้ไปเร็วๆ ทันใดนั้น “แอ๊ดดดดดด” เสียงประตูเปิดเข้ามาและไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพิม!!

พลอยได้แต่ข่มตานอนเธอกลัวการที่จะเผชิญกับพิมในตอนนี้ “พลอย..พลอยตื่นได้แล้ว มาอ่านหนังสือเร็ว” “อื้อ” พลอยแกล้งบิดขี้เกียจไปมา ระหว่างที่อ่านหนังสืออยู่นั้นเธอรู้สึกว่าไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จู่ๆพิมก็พูดขึ้นแทรกความเงียบขึ้นมา “พลอยเมื่อกี้ผมไปทำธุระมา มีคนแอบตามผมไปด้วย” “แล้วเธอรู้มั้ยว่าเป็นใคร” พลอยพยายามบังคับเสียงของตนไม่ให้สั่น มีหรอที่จะรอดสายตาของพิมไปได้ “ฉันพึ่งรู้เมื่อกี้นี่เอง” “ใครหรอ” พลอยรู้ชะตากรรมของตนเองว่าคงไม่รอดแล้วแหละ “มึงนั่นแหละ” “กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”