เรื่องสยองตุ๊กตาหน้ารถ

ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่มีนายอมรับกับตัวเองว่าชอบชิตไม่น้อย ด้วยความสุภาพ อ่อนหวาน แต่สิ่งที่สำคัญก็คือหน้าที่การงานอันมั่นคง บ้านเดี่ยวของเขาที่ผ่อนไว้ห้าปีแล้วและที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่ต้องขึ้นรถเมล์ รถแท็กซี่เวลาไปไหนมาไหน ชิตมีรถวากอน ที่สะดวกสบายไม่น้อย หากมีนาต้องการไปที่ใดชิตมักไม่ขัด ไม่ต้องพูดถึงการไปรับส่งถึงที่ทำงานทุกเช้าและเย็น ชิตยังไม่เคยอ้างโน่นนี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
มีนาพอจะรู้จากเพื่อนของชิตว่าก่อนหน้าจะคบกับเธอ ชิตเคยมีแฟนอยู่ก่อนแล้ว แต่มีนาก็ไม่ได้ใส่ใจ ถือว่านั่นเป็นเรื่องของเขา ถึงแม้จะมีอยู่แล้วและยังคบหากันอยู่ แต่ตราบใดที่เธอไปไหนมาไหนสะดวก เวลาไปเที่ยวก็มีคนออกค่าใช้จ่ายให้ เธอคิดว่าจะแคร์ไปทำไม
ตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่หย่อนก้นนั่งลงเบาะข้างคนขับมีนาก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ เหมือนมีใครจ้องมองเธออยู่เสมอ บางครั้งดึกๆ ดื่นๆ ยิ่งเหมือนมีคนมาร่วมรถด้วย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ชอบรถวากอนคันนี้ไม่น้อย เธอนำตุ๊กตาห้อยกระจกมองหลังน่ารักตัวใหม่มาแทนตัวเก่า เมื่อชิตไม่ว่า เธอก็นำตุ๊กตาตัวเล็กๆ อีกหลายตัวมาวางบนคอนโซล ชิตเพียงแต่ยิ้มชอบใจเมื่อมองตุ๊กตาแต่ละตัวของเธอ
ความสัมพันธ์คืบหน้าอย่างรวดเร็ว เธอชวนเขาไปที่ห้อง เขาชวนเธอไปที่ห้อง จากบนเตียงเปลี่ยนไปตามมุมต่างๆ ในห้อง จนกระทั่งเมื่อเธอเอ่ยกับเขาว่า เบาะหลังพับได้นี่ทำได้อีกหลายอย่างนะคะชิต แล้วกิจกรรมรักก็เริ่มต้นในเบาะหลังท้ายรถ ดูเหมือนชิตจะตื่นเต้นและชอบมากด้วย จากครั้งที่หนึ่งก็มีครั้งต่อๆ ไป โดยเฉพาะครั้งล่าสุดเมื่อคืน
และเช้านี้ชิตมีธุระต้องทำแต่เช้า มีนาออกจากห้องพักและติดรถไปด้วย ทว่าเช้านี้รู้สึกบรรยากาศในรถเปลี่ยนไป เหมือนมีใครมองเธออยู่ตลอดเวลาแต่เธอไม่เห็น ถึงสถานที่นัดหมายของชิต ชิตบอกให้เธอรออยู่ในรถ เขาจะเข้าไปทำธุระที่บริษัทแห่งนี้ไม่นาน ที่จริงเขาชวนมีนาเข้าไปด้วย แต่เธอไม่อยากเข้าไป ชิตจึงติดเครื่องเปิดแอร์ไว้ข้างตึกสำนักงานแห่งนั้น
รอมาได้พักใหญ่ มีนาเริ่มเบื่อหน่ายจึงเอนหลังหลับตา ยกเข่าชันกับคอนโซลรถ แต่แล้วก็สะดุ้งตื่นเหมือนมีใครมาสะกิดหัวไหล่ เธอลืมตามองหาแต่ไม่พบอะไรจึงหลับต่อ สักพักก็ราวกับมีใครมาสะกิดอีก มีนาคิดว่าคงเพราะเสียงอึกทึกครึกโครมจากด้านนอกมากกว่า จึงเอื้อมมือเปิดวิทยุไล่หาเพลงฟังแล้วผ่อนลมหายใจยาวหลับต่อ
คราวนี้เหมือนมีคนมาดึงผมเธอ เมื่อหันกลับไปก็ไม่เจอสิ่งผิดปกติ เธอเอนศีรษะพิงกระจกรถและพาดเท้าไปทางเบาะคนขับแทน
ไม่นานเธอก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อพนักเก้าอี้ถูกกระชากไปด้านหลัง เท่านั้นไม่พอศีรษะเธอถูกดึงตามเอนไปทางเบาะแถวสอง อะไรกันนี่ มีนาตะโกนพลางข้ามไปเบาะแถวสองมองหามือที่ดึงผมแต่ไม่พบ ก่อนจะกลับมาที่เดิมคิดจะเอนหลังนอนก็ถูกสะกิดอีก คราวนี้ตามมาด้วยการกระชากเส้นผมเธออย่างแรง มีนาสบถคำหยาบ ก่อนจะหันไปตบเบาะเสียงดังด้วยความฉุนเฉียว ทันใดก็ถูกกระชากคอขึ้นอย่างแรงจนศีรษะกระแทกหลังคารถ
มีนาร้องโอ๊ย! เมื่อมองไม่เห็นใครในรถ เธอเริ่มหวาดกลัว หนทางแรกที่คิดได้คือจะออกจากรถ แต่เมื่อยื่นมือไปกลับเปิดไม่ออก มีนากระเถิบไปทางที่นั่งคนขับกลับพบว่าเปิดจากทางคนขับไม่ได้เช่นกัน
จู่ๆ เพลงในรถเปลี่ยนเป็นแนวร็อก เสียงเบสกระแทกกระทั้นเข้าไปในอก ไม่ทันไรก็เปลี่ยนแนวนุ่มละมุนคลอเบาๆ มีนาเหมือนได้ยินเสียงคนหัวผมะตามมา มีนาคิดอะไรไม่ออก พยายามเปิดประตูรถทั้งสองด้านอีกครั้งก็เปิดไม่ได้ เธอย้ายไปเบาะแถวสองพยายามเปิดก็เปิดไม่ออก เสียงเพลงจากวิทยุกลับมาเป็นแนวร็อกอีกครั้ง แล้วรถก็โยกไปโยกมาเหมือนคนดันรถอยู่ด้านนอกหลายคน มีนาตกใจมากเธอ “มึงจะยังไงกับกู” มีนาตะคอก
รถหยุดโยก เสียงหัวผมะตามมาเป็นเสียงผู้หญิง
มีนาเล่าทุกอย่างให้ชิตฟัง เขาขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด แต่ไม่พูดอะไร มีนาไม่เคยรู้มาก่อนว่าชิตเคยมีแฟนคนหนึ่งชื่อวิชุดา ทั้งสองคบหากันมาร่วมสิบปี ตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน ทั้งสองร่วมกันผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์และผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้น ที่สำคัญกำลังจะแต่งงานกัน ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายถึงกับได้คุยกันและกำหนดฤกษ์ยามเตรียมไว้พร้อมแล้ว ทว่า!
ทั้งคู่ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน วิชุดาเกิดเป็นตะคริวจมน้ำตายขณะเล่นน้ำทะเล ชิตเสียใจมาก เป็นปีๆ กว่าจะทำใจได้
เมื่อครู่ชิตชวนมีนาขึ้นรถ บอกว่าจะขับไปส่งที่บ้าน มีนาหวาดกลัว ไม่อยากขึ้นรถ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า” ชิตพูด แต่ทันทีที่เขามอง กระจกหลัง เขาก็เห็นวิชุดาสบตากับเขาทางกระจกหลัง
ขอบคุณ แหล่งที่มาหนังสือพิมพ์ รักดารา